วันพฤหัสบดีที่ 20 ตุลาคม พ.ศ. 2554

Windows 7 Become The World's Most Popular Operating System

Windows 7 ขึ้นเป็น "ระบบปฏิบัติการคอมพิวเตอร์ที่มีผู้ใช้มากที่สุด" แล้ว
Windows 7 ระบบปฏิบัติการเดสก์ท็อปคอมพิวเตอร์ตัวล่าสุดของไมโครซอฟท์นั้นประสบความสำเร็จทั้งด้านการตลาดและการยอมรับจากผู้ใช้ โดย Windows 7 มีจำนวนผู้ใช้เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่ออกเวอร์ชัน Release to Manufacturing (RTM) เมื่อวันที่ 22 กรกฎาคม 2552 และออกเวอร์ชัน General Availability (GA) เมื่อวันที่ 22 ตุลาคม 2552 และปัจจุบันไมโครซอฟท์สามารถขาย Windows 7 ได้มากกว่า 450 ล้านไลเซนส์แล้ว ส่งผลให้ Windows 7 สามารถผ่านหลักไมล์ที่สำคัญนั้นคือ การขึ้นเป็นระบบปฏิบัติการเดสก์ท็อปคอมพิวเตอร์ที่มีผู้ใช้มากที่สุด ได้สำเร็จเรียบร้อยแล้ว

โดยในช่วง 23 เดือนที่ผ่านมา ถึงแม้ว่า Windows 7 จะมีจำนวนผู้ใช้เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องแต่ยังเป็นอันดับที่ 2 รองจาก Windows XP แต่ในที่สุดก่อนครบรอบ 2 ปีของการเวอร์ชัน GAWindows 7 ก็สามารถแซง Windows XP ขึ้นเป็นระบบปฏิบัติการเดสก์ท็อปคอมพิวเตอร์ที่มีผู้ใช้มากที่สุดได้สำเร็จ จากข้อมูลการสำรวจจำนวนผู้ใช้ระบบปฏิบัติการเดสก์ท็อปในเดือนตุลาคม 2554 ของ StatCounter ซึ่งปรากฏว่า Windows 7 มีจำนวนผู้ใช้เพิ่มขึ้นเป็น 40.21% ซึ่งเป็นครั้งแรกที่ Windows 7 มีผู้ใช้มากกว่า Windows XP ที่จำนวนผู้ใช้ลดลงเหลือแค่ 38.64% ส่วนอันดับที่ 3 เป็นของ Windows Vista ซึ่งมีจำนวนผู้ใช้ประมาณ 11% และอันดับที่ 4 เป็นของ MAC OS X ซึ่งมีจำนวนผู้ใช้ประมาณ 7% โดย Linux อยู่ในอันดับที่ 5 มีจำนวนผู้ใช้ 0.82% ดังรูปประกอบด้านล่าง

StatCounter Global Stats - Oct 2009 to Oct 2011 (Credit: StatCounter )

การขึ้นเป็น ระบบปฏิบัติการคอมพิวเตอร์ที่มีผู้ใช้มากที่สุด ของ Windows 7 นับเป็นความสำเร็จอีกครั้งของ Windows 7 และไมโครซอฟท์ แต่ในอนาคต Windows 7 จะถูกท้าทายจากระบบปฏิบัติการตัวถัดไปอย่าง Windows 8 เมื่อถึงวันนั้น Windows 7 คงมีจุดจบที่ไม่แตกต่างไปจาก Windows XP ในวันนี้

สำหรับ Windows 8 นั้นปัจจุบันอยู่ในขั้นตอนการพัฒนาก่อนที่จะออกเวอร์ชันเบต้า และได้เปิดให้นักพัฒนาและผู้ที่สนใจดาวน์โหลด Windows 8 Developer Preview ไปเมื่อช่วงกลางเดือนกันยายนที่ผ่านมา โดยคาดกันว่า Windows 8 RTM ซึ่งเป็นเวอร์ชันเสร็จสมบูรณ์จะออกในปีหน้า (2555)

Microsoft Security Essentials 2.1 with new Antimalware Engine is planned for release on 18 October 2011

ไมโครซอฟท์เตรียมอัพเดท Antimalware Engine ของโปรแกรม Microsoft Security Essentials 2.1 ในวันที่ 18 ต.ค. 54
14 ตุลาคม 2554: ไมโครซอฟท์ประกาศผ่านทางเว็บไซต์ Antimalware Engine Notifications ว่าจะทำการอัพเดทโปรแกรม Microsoft Security Essentials (MSE) 2.1 เป็นเวอร์ชันใหม่ในวันจันทร์ที่ 18 ตุลาคม 2554 (ตามเวลาในประเทศสหรัฐอเมริกา) ที่จะถึงนี้ โดยโปรแกรม MSE 2.1 เวอร์ชันใหม่จะมาพร้อม Antimalware Engine 1.1.780X.0 (เวอร์ชันปัจจุบันคือ 1.1.770x) สำหรับเหตุผลของการอัพเดทครั้งนี้เป็นเพียงการอัพเกรดเทคโนโลยีการป้องกันมัลแวร์ตามแผนการปกติ

โดยการอัพเดทครั้งนี้นอกจากมีผลกับโปรแกรม MSE 2.1 แล้ว ไมโครซอฟท์จะทำการอัพเดท Antimalware Engine ของโปรแกรม Forefront Client Security (FCS), Forefront Endpoint Protection (FEP) และ Windows Intune Endpoint Protection อีกด้วย ทั้งนี้ สำหรับผู้ใช้ที่ทำการติดตั้งโปรแกรม Microsoft Security Essentials บนเครื่องคอมพิวเตอร์ โปรแกรมจะทำการอัพเดทเป็นเวอร์ชันใหม่โดยอัตโนมัติพร้อมกับการอัพเดทไวรัสซิกเนเจอร์

สำหรับ Microsoft Security Essentials เป็นโปรแกรมแอนตี้ไวรัสและแอนตี้สปายแวร์ของไมโครซอฟท์ที่อนุญาตให้ผู้ใช้ Windows ของแท้ (Genuine) ใช้งานได้ฟรี โดยสามารถดาวน์โหลดได้จากเว็บไซต์ Download Microsoft Security Essentials ซึ่งจะมีให้เลือก 3 เวอร์ชันตามระบบปฏิบัติการ Windows ที่ใช้ ได้แก่ คือ เวอร์ชันสำหรับ Windows XP 32-bit, Windows Vista/Windows 7 32-bit และ Windows Vista/Windows 7 64-bit

หมายเหตุ: การติดตั้งโปรแกรม Microsoft Security Essentials จะต้องทำการตรวจสอบ (Validate) ว่า Windows ที่ใช้เป็นของแท้หรือไม่ก่อนจะอนุญาตให้ติดตั้ง

Windows 7 Remote Desktop Shortcut Keys

รวมคีย์ลัดสำหรับการใช้งาน Remote Desktop บน Windows 7
การทำงานแบบรีโมทเดสก์ท็อป (Remote Desktop) เพื่อจัดการเครื่องลูกข่ายคอมพิวเตอร์หรือเซิร์ฟเวอร์ระบบ Windows เป็นการใช้งานรูปแบบหนึ่งที่คุ้นเคยกันดีของแอดมิน อย่างไรก็ตามอาจเกิดความสับสนในการใช้คีย์ลัด (Shortcut Keys) เพื่อทำงานต่างๆ ระหว่างบนเครื่องโลคอลคอมพิวเตอร์และเครื่องรีโมทคอมพิวเตอร์ได้ ตัวอย่างเช่น เมื่อต้องการเปิดหน้าต่าง Windows Security บนเครื่องรีโมทคอมพิวเตอร์แต่กดปุ่ม CTRL+ALT+DELETE (ที่คุ้นเคยกว่า) ซึ่งจะเป็นการเปิดหน้าต่าง Windows Security บนเครื่องโลคอลคอมพิวเตอร์ เป็นต้น วันนี้ผมจึงรวบรวมคีย์ลัดที่เกี่ยวข้องกับการใช้งานรีโมทเดสก์ท็อปบนเครื่องคอมพิวเตอร์ Windows 7 มาฝากครับ

หมายเหตุ: ทั้งเครื่องโลคอลคอมพิวเตอร์และเครื่องรีโมทคอมพิวเตอร์ในบทความใช้ระบบปฏิบัติการ Windows 7 Enterprise with SP1

1. การเปิดหน้าต่าง Windows Security
หน้าต่าง Windows Security นั้นจะช่วยให้ผู้ใช้เข้าถึงการทำงานหลายอย่าง เช่น เปลี่ยนรหัสผ่าน หรือเปิด Task Manager เป็นต้น การเปิดหน้าต่าง Windows Security ทำได้ดังนี้

  • เครื่องโลคอลคอมพิวเตอร์: เปิดหน้าต่าง Windows Security โดยการกดปุ่ม CTRL+ALT+DELETE
  • เครื่องรีโมทคอมพิวเตอร์: เปิดหน้าต่าง Windows Security โดยการกดปุ่มการกดปุ่ม CTRL+ALT+END
รูปที่ 1: Windows Security

2. การเปิดเมนู Start
การเปิดเมนู Start เพื่อเข้าถึงโปรแกรมต่างๆ ที่ติดตั้งบนเครื่องคอมพิวเตอร์ หรือคำสั่งคอนโทรลพาเนล ทำได้ดังนี้
  • เครื่องโลคอลคอมพิวเตอร์: การเปิดเมนู Start ทำได้โดยการกดปุ่ม Windows Key
  • เครื่องรีโมทคอมพิวเตอร์: การเปิดเมนู Start ทำได้โดยการกดปุ่ม ALT+HOME

3. การเปิดเมนู Windows
การเปิดเมนู Windows เพื่อเข้าถึงคำสั่งต่างๆ (คำสั่งจะขึ้นอยู่กับประเภทของแอพพลิเคชัน) เช่น ย้าย, ย่อ, หรือขยาย หน้าต่างแอพพลิเคชันทำได้ดังนี้
  • เครื่องโลคอลคอมพิวเตอร์: การเปิดเมนู Windows ทำได้โดยการคลิกเม้าส์ขวาบนแถบไตเติลของหน้าต่างที่ต้องการ
  • เครื่องรีโมทคอมพิวเตอร์: การเปิดเมนู Windows ทำได้โดยการกดปุ่ม ALT+DELETE
รูปที่ 2: Windows Menu

4. การสลับระหว่างโหมด Full-screen และ Window
  • เครื่องโลคอลคอมพิวเตอร์: -ไม่มี
  • เครื่องรีโมทคอมพิวเตอร์: การสลับระหว่างโหมด Full-screen และ Window ในรีโมทคอมพิวเตอร์ทำได้โดยการกดปุ่ม CTRL+ALT+BREAK

5. การสลับระหว่างโปรแกรม
การสลับไป-มาระหว่างโปรแกรมต่างๆ ที่กำลังรันอยู่ ทำได้ดังนี้
  • เครื่องโลคอลคอมพิวเตอร์: การสลับระหว่างโปรแกรมที่กำลังเปิดอยู่จากซ้ายไปขวาทำได้โดยการกดปุ่ม ALT +TAB
  • เครื่องรีโมทคอมพิวเตอร์: การสลับระหว่างโปรแกรมที่กำลังเปิดอยู่จากซ้ายไปขวาทำได้โดยการกดปุ่ม ALT+PAGE UP
  • เครื่องโลคอลคอมพิวเตอร์: การสลับระหว่างโปรแกรมที่กำลังเปิดอยู่จากขวาไปซ้ายทำได้โดยการกดปุ่ม ALT + SHIFT + TAB
  • เครื่องรีโมทคอมพิวเตอร์: การสลับระหว่างโปรแกรมที่กำลังเปิดอยู่จากขวาไปซ้ายทำได้โดยการกดปุ่ม ALT+PAGE DOWN
รูปที่ 3: Switches between programs

  • เครื่องโลคอลคอมพิวเตอร์: การสลับระหว่างโปรแกรมที่กำลังเปิดอยู่ตามลำดับการเปิดโปรแกรมทำได้โดยการกดปุ่ม ALT+TAB
  • เครื่องรีโมทคอมพิวเตอร์: การสลับระหว่างโปรแกรมที่กำลังเปิดอยู่ตามลำดับการเปิดโปรแกรมทำได้โดยการกดปุ่ม ALT+INSERT
รูปที่ 4: Cycles through the programs

6. การจับภาพหน้าจอ
การจับภาพภาพหน้าจอ (Screen Capture) ทำได้ดังนี้
  • เครื่องโลคอลคอมพิวเตอร์: การจับภาพหน้าจอของหน้าต่างที่กำลังแอคทีฟทำได้โดยการกดปุ่ม ALT+PRINT SCREEN
  • เครื่องรีโมทคอมพิวเตอร์: การจับภาพหน้าจอของหน้าต่างที่กำลังแอคทีฟทำได้โดยการกดปุ่ม CTRL+ALT+MINUS SIGN (-)
  • เครื่องโลคอลคอมพิวเตอร์: การจับภาพหน้าจอทั้งหมดได้โดยการกดปุ่ม PRINT SCREEN
  • เครื่องรีโมทคอมพิวเตอร์: การจับภาพหน้าจอทั้งหมดทำได้โดยการกดปุ่ม CTRL+ALT+PLUS SIGN (+)
หมายเหตุ: สามารถใช้ Sniping Tool เพื่อทำการจับหน้าจอได้เช่นกัน

ทั้งนี้ ถ้าต้องการนำภาพที่ได้จากการจับภาพหน้าจอบนเครื่องรีโมทคอมพิวเตอร์มาใช้บนเครื่องโลคอลคอมพิวเตอร์ สามารถทำได้โดยการเลือก Clipboard (ต้องกำหนดก่อนทำการเชื่อมต่อ) ในแท็บ Local Resources ของหน้า Remote Desktop Connection ดังรูปที่ 5 สำหรับรายละเอียดการคอนฟิกสามารถอ่านได้ที่ การใช้งาน Remote Desktop Connection บน Windows 7

รูปที่ 5: Remote Desktop Connection

How To Log Off User With Command Line In Windows 7

วิธีการล็อกออฟผู้ใช้ด้วยคำสั่ง Logoff จากคอมมานไลน์บน Windows 7
ในบทความก่อนหน้านี้ผมได้แนะนำวิธีการล็อกออฟผู้ใช้บนเครื่องคอมพิวเตอร์ Windows 7 โดยการใช้ Task Manager ไปแล้ว ซึ่งจะช่วยแก้ปัญหาในกรณีมีผู้ใช้บางคนทำการล็อกออนค้างอยู่บนเครื่องคอมพิวเตอร์ที่มีการใช้งานร่วมกันหลายคน สำหรับในบทความนี้จะแนะนำวิธีการล็อกออฟผู้ใช้บนเครื่องคอมพิวเตอร์ Windows 7 โดยการใช้คำสั่ง Logoff ซึ่งเป็นคำสั่งแบบคอมมานไลน์ที่มาพร้อมกับ Windows 7 อยู่แล้ว อย่างไรก็ตามวิธีนี้อาจทำให้ข้อมูลของผู้ใช้ที่ถูกล็อกออฟเสียหรือสูญหายได้

การใช้คำสั่ง Logoff นั้นต้องการสิทธิ์ระดับแอดมิน (Administrative Privileges) ในการทำงาน และต้องงทราบหมายเลขเซสชัน (Session ID) ของผู้ใช้ที่ต้องการล็อกออฟ ซึ่งหมายเลขเซสชันนี้สามารถดูได้จากในแท็บ Users บนหน้าต่าง Task Manager หรือรันคำสั่ง Quser ที่คอมมานไลน์ โดยการล็อกออฟผู้ใช้ด้วยคำสั่ง Logoff จากคอมมานไลน์บน Windows 7 มีขั้นตอนดังนี้

1. คลิก Start พิมพ์ cmd ในช่อง Search programs and files จากนั้นคลิกขวาบน cmd แล้วเลือก Run as Administrator คลิก Yes ในหน้าไดอะล็อกบ็อกซ์ User Account Control
2. ถ้าหากยังไม่ทราบหมายเลขเซสชัน (Session ID) ของผู้ใช้ที่ต้องการล็อกออฟให้ทำการรันคำสั่ง quser ที่คอมมานด์พร็อมท์เพื่อแสดงรายชื่อผู้ใช้และหมายเลขเซสชันที่กำลังล็อกออนอยู่บนเครื่องคอมพิวเตอร์ โดยในที่นี้ผู้ใช้ที่ต้องการล็อกออฟคือ user3 ซึ่งมีหมายเลขเซสชันเป็น 3 ดังกรอบหมายเลข 1 ในรูปประกอบด้านล่าง

หมายเหตุ: ดูรายละเอียดการใช้คำสั่ง quser ได้โดยการรันคำสั่ง quser /? ที่ที่คอมมานด์พร็อมท์

3. หลังจากทราบหมายเลขเซสชัน (Session ID) ของแอคเคาท์ที่ต้องการล็อกออฟแล้วให้รันคำสั่ง Logoff session id /V ที่คอมมานด์พร็อมท์ดังกรอบหมายเลข 2 ในรูปประกอบด้านล่าง เสร็จแล้วให้ปิดหน้าต่างคอมมานด์พร็อมท์เพื่อจบการทำงาน

รูปที่ 3:

หลังจากทำการรันคำสั่งล็อกออฟเสร็จแล้วสามารถตรวจการทำงานได้โดยการรันคำสั่ง quser ที่คอมมานด์พร็อมท์ซึ่งจะไม่ปรากฏผู้ใช้ชื่อ user3 ดังรูปประกอบด้านบน